rungraveewan


ตอบ บลูทูธ (Bluetooth) เป็นเทคโนโลยีของอินเตอร์เฟซทางคลื่นวิทยุ (universal radio interface) สำหรับใช้ในการเชื่อมโยงสื่อสารไร้สายในแถบความถี่ 2.45 GHz ซึ่งจะทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ถือเคลื่อนย้านได้ สามารถติดต่อเชื่อมโยงสื่อสารแบบไร้สายระหว่างกันในช่วงระยะห่างสั้น ๆ ได้ อุปกรณ์แต่ละตัวสามารถติดต่อสื่อสารกับอุปกรณ์อื่น ๆ ได้สูงสุดถึง 7 เครื่องพร้อมกัน ซึ่งจะเรียกว่าเครือข่ายการติดต่อนี้ว่า piconet ยิ่งกว่านี้อุปกรณ์แต่ละตัวยังสามารถสังกัดอยู่กับเครือข่าย piconet ได้หลายเครือข่ายพร้อมกันอีกด้วย

การทำงานของ Bluetooth จะเป็นตัวช่วยให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เราใช้เชื่อมต่อกันได้โดยไม่ต้องไปง้อพวกสายเคเบิลต่าง ๆ หากแต่ว่าจะใช้ระบบเชื่อมต่อที่เป็นสัญญาณวิทยุแทนในการสร้างการเชื่อมต่อข้อมูลอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วยการออกแบบที่ใช้คลื่นความถี่วิทยุที่อยู่บนสภาวะแวดล้อมที่มีการรบกวนสูง โดยที่อาศัยการส่งสัญญาณความเร็วสูงและการทำงานเป็นช่วง ๆ ในการสร้างระบบการเชื่อมต่อที่เชื่อถือได้ สำหรับกระบวนการเชื่อมต่อสัญญาณนั้นหากว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือปรับเปลี่ยนความถี่เกิดขึ้น ความเชื่อถือได้ของการเชื่อมต่อก็จะมีน้อยลง เทคนิค Bluetooth นี้ก็เลยเพิ่มระบบสร้างความเชื่อถือโดยที่เมื่อเกิดการส่งหรือรับข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ส่วนระบบการสร้างสัญญาณวิทยุที่ได้รับสัญญาณมา จะทำการเปลี่ยนความถี่เพื่อใช้ในการส่งครั้งต่อไปคำถามที่เกิดขึ้นว่าทำไมจะต้องทำแบบนั้นก็เนื่องจากเทคนิคนี้ไม่มีสายเคเบิลในการส่งสัญญาณแต่อย่างใด ทำให้สัญญาณที่ส่งมาอาจจะมีการคลาดเคลื่อนได้ก็เลยต้องมีการเปลี่ยนความถี่เพื่อเป็นการรักษาคุณภาพของข้อมูล และที่สำคัญก็คือเป็นการเพิ่มความเข้มของสัญญาณอีกด้วย หากแต่ว่ายังมีข้อจำกัดอยู่ที่การใช้เทคนิคนี้ยังมีปัญหาอยู่ ในการสร้างการเชื่อมต่อแบบนี้จะถูกกระทบจากคลื่นความถี่ที่ถูกสร้างขึ้นจากเครื่องใช้ในบ้านอย่างเตาอบไมโครเวฟ หากเราเอาอุปกรณ์ต่าง ๆ ไปทำงานใกล้ ๆ แต่ต้องบอกก่อนว่ามันจะมีผงเนื่องจากระยะทางในการเชื่อมต่อที่ออกจะไกลเท่านั้น เรียกว่าหากการเชื่อมต่อเกิดขึ้นในระยะใกล้ ๆ แล้วคลื่นความถี่ที่มีผลก็จะไม่ส่งกระทบมากนัก แต่ก็จะมีระบบการแก้ไขปัญหาเรื่องของการส่งข้อมูลด้วย Forward Error Correction (FEC) สำหรับคอยช่วยเข้าแก้ไขหากมีผลกระทบจากสิ่งภายนนอกดังกล่าว

เทคนิคของ Bluetooth นั้นใช้ระบบความถี่วิทยุในการเชื่อมต่อ สำหรับความถี่ที่ใช้ในระบบรับ-ส่งข้อมูล (Bluetooth Radio) นั้นจะมีคลื่นความถี่สูงมากที่เป็นความถี่ที่ว่างอยู่ และเรียกว่าเป็นสาธารณะที่ใครก็ตามสามารถใช้งานได้ โดยจะอยู่ที่ 2.4 GHz ซึ่งมีชื่อเรียกว่า ISM Band โดยที่ระบบในการเปลี่ยนความถี่ที่กล่าวมาข้างต้นจะมีหน้าที่รับและจัดการตามขั้นตอนที่กล่าวข้างต้น จะทำการจัดการความถี่ใหม่ที่จะใช้ในการเชื่อมต่อให้อยู่ภายในช่องกว้างของความถี่ (Bandwidth) ที่กำหนดไว้ประมาณ 1 MHz ซึ่งทั้งหมดจะอยู่ในรูปของการผสมคลื่นแบบ FM (Frequeney Modulation) โดยที่จะมีความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลอยู่ที่ 1 Mb/s และจะเป็นการทำงานแบบสองทางหรือที่เรียกว่า Full Duplex ทำให้การสื่อสารระหว่างอุปกรณ์สองทางเป็นไปอย่างรวดเร็ว ส่วนที่สองที่เรียกว่า Bluetooth Baseband จะเป็นระบบที่รวมเอาแผงวงจรและระบบแพ็กเกจสวิตชิ่งเข้าด้วยกันโดยจะมีช่องทาง (Slot) ทำหน้าที่เป็นช่องทางสำหรับรับสัญญาณที่ส่งมาจากส่วนของระบบรับข้อมูล (Bluetooth) โดยที่แต่ละช่องก็จะสามารถรับสัญญาณแบบ Synchronous ที่ส่งเข้ามาจากระบบรับข้อมูลได้ 1 กลุ่มต่อการส่ง 1 ครั้ง หากแต่ว่าสามารถเพิ่มช่องทางได้ถึง 5 ช่องทางสำหรับสัญญาณแบบ Synchronous เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้ระบบ นอกจากนั้นยังสามารถรับสัญญาณแบบ Asynchronous หากแต่ต้องแลกกับช่องสัญญาณของ Synchronous ในรูปแบบของสัญญาณเสียงไปถึง 3 ช่อง หรือบางแบบอาจจะมีช่องสัญญาณที่เป็นแบบผสมที่สามารถรับสัญญาณทั้งสองแบบได้ โดยไม่ต้องมีการจำลองการทำงานเกิดขึ้น

ความเร็วในการทำงานของช่องสัญญาณแบบ Synchronous นั้นจะมีความเร็วในการทำงานอยู่ที่ 64 Kbps สำหรับระบบเสียง และหากเป็นช่องสัญญาณแบบ Asynchronous ความเร็วสูงสุดที่จะได้สูงถึง 721 Kbps หากแต่ว่าความเร็วที่ข้อมูลที่ส่งกลับมานั้นจะอยู่ที่ 57.6 Kbps หรืออาจจะอยู่ที่ 432.6 Kbps ในกรณีที่ตัดเอาช่องสัญญาณด้านรับมาช่วยส่งสัญญาณแทน ซึ่งจะเห็นว่าความเร็วสูงขึ้นเกือบ 10 เท่าเลยทีเดียว

รูปแบบของการใช้งาน Bluetooth

เราเห็นหลักการทำงานของ Bluetooth มาแล้ว หลายคนคงสงสัยถึงวิถีการนำไปใช้งานว่าเทคโนโลยีนี้จะนำเอาไปทำอะไรได้บ้างในชีวิตประจำวัน อุปกรณ์เหล่านี้มีการผลิตออกมาหลากหลายรูปแบบแล้วอีกไม่นานอาจจะเห็นเครื่องโกนหนวดเช็คอีเมล์ที่ส่งมาถึงคุนในตอนเช้าก็เป็นไปได้เรื่องเหลือเชื่อทำนองนี้จะเกิดขึ้นในอีกไม่นานนี้แน่นอน

เริ่มจากโทรศัพท์มือถือที่คุณถืออยู่นั่นมันจะกลายเป็นสิ่งที่เรียกว่าโทรศัพท์ทุกที่ทุกเวลา โทรศัพท์มือถือที่บรรจุเทคนิคแบบ Bluetooth เข้าไปนั้น เวลาที่คุณพักผ่อนอยู่ที่บ้านมันจะกลายเป็นโทรศัพท์ไร้สายที่โทรออกยังไงก็เสียเงินเท่ากับค่าโทรศัพท์ตามบ้านในเวลาที่คุณอยู่ที่ออฟฟิศมันก็กลายเป็นโทรศัพท์ภายในที่ใครก็ตามที่อยู่ในออฟฟิศสามารถเรียกคุณได้โดยกดเบอร์ภายในของคุณเท่านั้น และในเวลาที่คุณอยู่บนรถหรือกำลังเดินทางอยู่มันก็จะกลายเป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบปกติ ทั้งหมดอยู่ในโทรศัพท์เครื่องเดียวเท่านั้น เป็นอินเตอร์เน็ตทุกหนทุกแห่ง

เพียงแต่คุณมีโน้ตบุ้คที่ทำงานร่วมกับ Bluetooth ได้หรือมีอุปกรณ์เสริมหรืออย่างไรก็แล้วแต่การใช้อินเตอร์เน็ตก็ไม่อาจจะจำกัดคุณอยู่แค่เพียงโมเด็มหรือเครือข่ายภายในออฟฟิศอีกแล้วหรือหากต้องการใช้โทรศัพท์มือถือในการเชื่อมอินเตอร์เน็ตหรือความต้องการอย่างอื่น ก็ตัดเรื่องสายเคเบิลระโยงระยางไปได้เลย หรือหากที่ใดมีบริการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตจากการเชื่อมเครือข่ายจากอุปกรณ์แบบ Bluetooth เข้ากับเครือข่ายโทรศัพท์โดยตรงก็เรียกว่าเป็นโบนัสสำหรับผู้ใช้

การทำงานแบบ Adhoc Network ของ Bluetooth มีดังนี้

Application ส่วนใหญ่หรือแทบทั้งหมด ที่รันบนโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบไร้สาย ทุกวันนี้ต้องการติดต่อกับเครือข่ายไร้สายแบบที่เรียกว่า "Single hop" วิธีการดังกล่าวที่ว่ามานี้เป็นรูปแบบดั้งเดิม ของการติดต่อแบบ Cellular Network ซึ่ง Support การทำงานแบบเคลื่อนที่ในปัจจุบัน โดยจำเป็นต้องมีการติดต่อ สถานีหลัก ( Bas Station) และจุดเข้าถึง (Access Point) network หลาย ๆ แบบการติดต่อสื่อสารจะเป็นในลักษณะการติดต่อระหว่าง Mobile hosts และจะ Fixed base Stations อย่างไรก็ตามบางครั้งถ้าไม่มีสายหลัก (BackBon) ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานในการติดต่อสื่อสารต้องใช้กลุ่มของ Mobile hosts กลุ่มผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่อาจต้องการติดต่อสื่อสารกับคนอื่น ๆ และมีการแบ่งเป็นข้อสนเทศกันและกัน ถ้าเป็นกรณีนี้เราจะใช้รูปแบบการติดต่อสื่อสารแบบที่เรียกว่า " Adhoc network" เพราะฉะนั้น Adhoc network คือเครือข่ายชั่วคราว ทำงานโดยปราศจากโครงสร้างพื้นฐานทางการสื่อสารที่มีการจัดการแบบศูนย์กลางหรือบริการที่จัดไว้แบบมาตรฐานในเครือข่าย ซึ่งการติดต่อจะต้องติดต่อกับ Host Adhoc Network เป็นเครือข่ายที่คาดหวังไว้ว่าใช้โครงสร้างพื้นฐานทางการติดต่อสื่อสารน้อย

Node แต่ละ Node จะเป็น Router เคลื่อนที่ ( Mobile router) และมีอุปกรณ์ที่เรียกว่า "ตัวรับแบบไร้สาย" (Wireless Transceiver) การส่งข้อความบน Adhoc network จะเป็นการส่งข้อความระหว่าง node สอง node ที่อยู่ในช่วงที่ไม่มีการส่งข้อมูลระหว่างกัน หรือระหว่าง node ที่อยู่ในช่วงที่ไม่มีการส่งข้อมูลระหว่างกัน หรือระหว่าง node ที่ต่อกันแบบอ้อม หลาย ๆ hop โดยผ่าน Intermediate node node , ที่ทำตัวเป็น Intermediate node ในระหว่างส่งข้อมูลต้องเป็น node ที่ยินยอมติดต่อสื่อสารจนกว่าจะส่งข้อมูลเสร็จ Application ที่ใช้ Adhoc network ได้แก่ การติดต่อสื่อสารของด้านทหาร, การช่วยชีวิตยามฉุกเฉิน การค้า , การศึกษาทางไกล, และการประชุมทางไกล เป็นต้น